ดอลลาร์พุ่งขึ้นกว่า 1% เทียบเยน หลังจากที่สหรัฐประกาศชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนออกไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค. จากเดิมที่มีกำหนดในวันที่ 1 ก.ย. พร้อมกับถอดสินค้าบางประเภทออกจากบัญชีรายการสินค้าของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่
ณ เวลา 22.17 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 1.11% สู่ระดับ 106.46 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.90% สู่ระดับ 119.10 เยน และร่วงลง 0.23% สู่ระดับ 1.1186 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.34% สู่ระดับ 97.71
ทั้งนี้ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ประกาศถอดสินค้าบางประเภทออกจากบัญชีรายการสินค้าของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ โดยระบุถึงปัจจัยด้านสุขภาพ, ความปลอดภัย และความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งสินค้าดังกล่าวจะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก 10%
นอกจากนี้ USTR ยังได้ระบุว่า การเก็บภาษีต่อสินค้าประเภทอื่นจะมีการชะลอออกไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค.
ทั้งนี้ สินค้าที่ได้รับการชะลอการจัดเก็บภาษี ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อปคอมพิวเตอร์ คอนโซลวิดีโอเกม ของเล่น จอมอนิเตอร์ รองเท้า และเสื้อผ้า
การประกาศดังกล่าวของ USTR มีขึ้นในวันนี้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนมีกำหนดเจรจาการค้าในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปดีดตัวขึ้นในเดือนก.ค.
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ติดต่อกัน 2 เดือน
การดีดตัวขึ้นของดัชนี CPI ทั่วไปได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนมิ.ย.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปจะเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบรายปี
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% เช่นเดียวกันในเดือนมิ.ย.
การดีดตัวขึ้นของดัชนี CPI พื้นฐานได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาเสื้อผ้า, ตั๋วเครื่องบิน, เฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งการใช้จ่ายด้านการรักษาสุขภาพ
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือนมิ.ย.