ปอนด์ดิ่งลงเทียบดอลลาร์และยูโร หลังจากที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ใช้แผนจำกัดการประชุมรัฐสภาอังกฤษ เพื่อหวังเดินหน้าผลักดันให้อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไร้ข้อตกลงในวันที่ 31 ต.ค.
ณ เวลา 17.57 น.ตามเวลาไทย ปอนด์ร่วงลง 0.65% สู่ระดับ 1.2207 ดอลลาร์ และอ่อนค่า 0.69% สู่ระดับ 0.9085 เทียบยูโร
ทั้งนี้ นายจอห์นสันประกาศกำหนดให้วันที่ 14 ต.ค.เป็นวันที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ประทานพระบรมราโชวาทต่อรัฐสภาอังกฤษเนื่องในวาระเปิดสมัยประชุมสภา
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะทรงอ่านถ้อยแถลงในวันดังกล่าวตามที่รัฐบาลจัดเตรียมไว้ โดยจะระบุถึงวาระด้านนิติบัญญัติในปีที่จะมาถึง
ก่อนหน้านี้ สมาชิกรัฐสภาอังกฤษมีกำหนดกลับเข้าประชุมสภาในสัปดาห์หน้า โดยจะมีการประชุมไปจนถึงวันที่ 9 ก.ย. ก่อนที่จะมีการพักสมัยประชุมเป็นเวลา 3 สัปดาห์เพื่อให้พรรคการเมืองต่างๆจัดการประชุมภายในพรรค แต่การดำเนินการของนายจอห์นสันในครั้งนี้ได้ทำให้การพักสมัยประชุมสภายาวนานขึ้นเป็น 5 สัปดาห์
การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้มีการปิดรัฐสภาอังกฤษตั้งแต่กลางเดือนก.ย.เป็นเวลาราว 1 เดือน ซึ่งจะทำให้รัฐสภามีเวลาน้อยลงในการออกกฎหมายเพื่อสกัดความพยายามของนายจอห์นสันในการนำอังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ในวันที่ 31 ต.ค.โดยไร้ข้อตกลง
ที่ผ่านมา นายจอห์นสันยืนยันว่า อังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU แม้ว่าจะไม่มีการทำข้อตกลงก็ตาม
ถึงแม้ว่าการปิดรัฐสภาก่อนการให้พระบรมราโชวาทของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติตามปกติในอังกฤษ แต่การดำเนินการดังกล่าวของนายจอห์นสันในครั้งนี้เพื่อจำกัดสมัยประชุมของรัฐสภาเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนเกิดเหตุการณ์สำคัญครั้งประวัติศาสตร์ที่อังกฤษจะแยกตัวจาก EU ได้สร้างความไม่พอใจต่อสมาชิกรัฐสภาอังกฤษ
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ระบุเตือนก่อนหน้านี้ว่า ในกรณีที่ย่ำแย่ที่สุดของการเกิดภาวะ Brexit แบบไร้ข้อตกลง ปอนด์จะทรุดตัวลงถึง 25% เทียบดอลลาร์ ส่งผลให้ 1 ปอนด์มีค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ ปอนด์ได้ดิ่งลงอย่างรุนแรงในวันที่ 23 มิ.ย.2559 ซึ่งเป็นวันที่อังกฤษลงประชามติแยกตัวออกจาก EU โดยปอนด์ร่วงลงจากระดับ 1.50 ดอลลาร์ สู่ระดับ 1.32 ดอลลาร์ในวันดังกล่าว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 31 ปี และขณะนี้ปอนด์ได้ปรับตัวลงมากกว่า 15% นับตั้งแต่การลงประชามติดังกล่าว