ดอลลาร์ดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือนเทียบเยน โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ส่วนยูโรร่วงลงเทียบดอลลาร์และเยน ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมในวันพรุ่งนี้
ณ เวลา 20.33 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.18% สู่ระดับ 107.72 เยน หลังจากแตะระดับ 107.85 เยน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. ขณะที่ยูโรอ่อนค่า 0.26% สู่ระดับ 118.44 เยน และร่วงลง 0.45% สู่ระดับ 1.0993 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.36% สู่ระดับ 98.68
ทางด้านหนังสือพิมพ์เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์รายงานว่า จีนได้ยื่นข้อเสนอที่จะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพิ่มขึ้น หากสหรัฐยอมผ่อนคลายข้อจำกัดต่อการซื้อสินค้าของบริษัทหัวเว่ย และเลื่อนการเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 1 ต.ค.
Politico ซึ่งเป็นสื่อสหรัฐ รายงานดังกล่าวเช่นกันในสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังพิจารณาเลื่อนการเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนที่มีกำหนดในวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งรวมถึงคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป สมาร์ทโฟน และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น
รายงานดังกล่าวบ่งชี้ความคืบหน้าในการคลี่คลายความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นอกจากนี้ นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐและจีนมีความคิดเห็นร่วมกันเกี่ยวกับการบังคับใช้กลไกในการป้องกันการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา หลังจากที่ผ่านมา ประเด็นดังกล่าวได้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างทั้งสองฝ่าย
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์นี้ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า
ECB จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 12 ก.ย. โดยมีการคาดการณ์ว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย และประกาศรื้อฟื้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบใหม่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 17-18 ก.ย. หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เช่นกันในการประชุมรอบที่แล้วในวันที่ 30-31 ก.ค. ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2551