ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) แต่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน โดยได้รับแรงหนุนจากความหวังว่า ผลการเจรจราการค้ารอบล่าสุดระหว่างสหรัฐและจีนจะเป็นไปในเชิงบวก ขณะที่ปอนด์แข็งค่าเนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่า อังกฤษจะสามารถบรรลุข้อตกลงถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.40% สู่ระดับ 98.3133
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1041 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1005 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2659 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2444 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6799 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6761 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.50 เยน จากระดับ 107.91 เยน, ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9974 ฟรังก์ จากระดับ 0.9967 ฟรังก์ แต่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3187 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3297 ดอลลาร์แคนาดา
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า จีนและสหรัฐจะมีความคืบหน้าอย่างมากในหลายๆ ด้าน หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ 2 ประเทศได้หารือกันด้านเศรษฐกิจและการค้ารอบล่าสุดในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ที่ผ่านมา
ปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขานรับความหวังที่ว่าอังกฤษและ EU จะสามารถบรรลุข้อตกลง Brexit หลังจากนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนายลีโอ วารัดคาร์ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ได้พบปะกันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาเพื่อเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit โดยหลังเสร็จสิ้นการประชุม ทั้งสองฝ่ายได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า ผู้นำทั้งสองมีการหารือกันในเชิงสร้างสรรค์ และเชื่อว่าการทำข้อตกลงจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย และเห็นพ้องกันว่ายังคงมีทางที่จะบรรลุข้อตกลงก่อนกำหนดเส้นตาย Brexit ในวันที่ 31 ต.ค.นี้