ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ย.หดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.76 เยน จากระดับ 108.84 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9947 ฟรังก์ จากระดับ 0.9986 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3193 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3203 ดอลลาร์สหรัฐ
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1073 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1034 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2837 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2781 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6761 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6752 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.3% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ส่งสัญญาณว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เคยเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานั้น กำลังชะลอตัวลง
กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ภาคครัวเรือนลดการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งรวมถึงการซื้อรถยนต์ วัสดุก่อสร้าง งานอดิเรก รวมไปถึงการซื้อสินค้าออนไลน์
นักลงทุนยังคงติดตามการเจรจาว่าด้วยการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยคณะผู้เจรจาจาก EU และอังกฤษได้เริ่มการเจรจาข้อตกลง Brexit รอบใหม่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ท่ามกลางความหวังที่ว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้เพื่อส่งให้ผู้นำ EU ลงนามรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดวันที่ 17-18 ต.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย., ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนก.ย. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนส.ค.จาก Conference Board