เงินปอนด์ฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) พร้อมกับจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า
เงินปอนด์ดีดตัวขึ้นแตะที่ระดับ 1.2904 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2882 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรขยับขึ้นสู่ระดับ 1.1127 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1123 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.6851 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6853 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.65 เยน จากระดับ 108.46 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9905 ฟรังก์ จากระดับ 0.9890 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3077 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3097 ดอลลาร์แคนาดา
นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ Brexit อย่างใกล้ชิด หลังจากสมาชิกสภาล่างของอังกฤษลงมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป หรือ Withdrawal Agreement Bill ของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แต่ในการลงมติต่อตารางเวลาในการผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ Brexit ซึ่งรัฐบาลให้เวลาเพียง 3 วันนั้น สภาล่างมีมติไม่เห็นชอบต่อตารางเวลาดังกล่าว
ผลการลงมติที่ออกมาเช่นนี้ บ่งชี้ว่า อังกฤษจะไม่สามารถแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ตามกำหนดเดิมภายในวันที่ 31 ต.ค. ส่งผลให้ EU จะต้องให้การอนุมัติขยายเส้นตาย Brexit ออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้อังกฤษแยกตัวจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit)
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 29-30 ต.ค.นี้ โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 94.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน