ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (31 ต.ค.) หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า เศรษฐกิจในยูโรโซนและสหภาพยุโรปขยายตัวในไตรมาส 3 ขณะที่ดอลลาร์ยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 1.1145 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1124 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2938 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2887 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.6886 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6876 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 107.98 เยน จากระดับ 108.94 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9869 ฟรังก์ จากระดับ 0.9904 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3163 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3174 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรได้รับแรงหนุนหลังจากยูโรสแตทรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทส (GDP) ในยูโรโซนขยายตัว 0.2% ขณะที่ GDP ในสหภาพยุโรปขยายตัว 0.3% เมื่อเทียบรายไตรมาส และหากเทียบรายปี GDP ยูโรโซนขยายตัว 1.1% และ GDP ในสหภาพยุโรปขยายตัว 1.4%
ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐยังคงได้รับแรงกดดันหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดมีมติ 8-2 เสียงปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมครั้งล่าสุด
นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.จะเพิ่มขึ้นเพียง 85,000-89,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 136,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ส่วนอัตราการว่างงานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.6% จาก 3.5% ในเดือนก.ย.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในคืนนี้ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนต.ค.