ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนได้กลับเข้าซื้อดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์เสี่ยง หลังตลาดได้แรงหนุนจากแนวโน้มความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.21% สู่ระดับ 98.3521
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9974 ฟรังก์ จากระดับ 0.9955 ฟรังก์ และแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3227 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3181 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.15 เยน จากระดับ 109.30 เยน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1023 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1047 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2783 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2820 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6855 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6900 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ดอลลาร์ได้แรงหนุน เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าซื้อดอลลาร์ หลังจากขานรับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน แม้ล่าสุดมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐระบุว่า เขาคัดค้านแผนการยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนก็ตาม
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 95.7 ในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 95.3 จากระดับ 95.5 ในเดือนต.ค.