ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่เงินปอนด์ดีดตัวขึ้นขานรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษที่ยังคงขยายตัวในไตรมาส 3 นอกจากนี้ นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเตรียมแถลงมุมมองเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรสในวันพุธนี้ รวมทั้งจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.02 เยน จากระดับ 109.15 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9931 ฟรังก์ จากระดับ 0.9974 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3223 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3227 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1033 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1023 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2854 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2783 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.6852 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6855 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า เขาไม่เห็นด้วยต่อการยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน
คำกล่าวของปธน.ทรัมป์สวนทางกับแถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์จีนที่ว่า สหรัฐและจีนได้ตกลงกันที่จะทยอยยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าของแต่ละฝ่ายที่มีการกำหนดขึ้นในช่วงที่สหรัฐและจีนทำสงครามการค้าก่อนหน้านี้
ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า GDP ของอังกฤษขยายตัว 0.3% ในไตรมาส 3 ส่งผลให้เศรษฐกิจอังกฤษยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากที่ GDP ของอังกฤษหดตัว 0.2% ในไตรมาส 2
นักลงทุนจับตาปธน.ทรัมป์ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ที่การประชุม Economic Club of New York ในวันนี้ ตามเวลาสหรัฐ เพื่อดูว่าปธน.ทรัมป์จะกล่าวถึงสถานการณ์การค้าระหว่างจีนและสหรัฐหรือไม่
ขณะเดียวกันนักลงทุนยังจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงต่อสภาคองเกรสเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในวันพุธนี้ เวลา 11.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 23.00 น.ตามเวลาไทย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนต.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ย. จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย.