ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 พ.ย.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ โดยระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวอย่างยั่งยืนหลังจากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจากอังกฤษเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี
เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2837 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2855 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.0999 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1009 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6830 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6842 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.77 เยน จากระดับ 108.96 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9893 ฟรังก์ จากระดับ 0.9923 ฟรังก์ แต่หากเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3254 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3222 ดอลลาร์แคนาดา
นายพาวเวลได้กล่าวแถลงการณ์ว่าด้วยภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัวที่ยั่งยืน โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
นอกจากนี้ นายพาวเวลยังส่งสัญญาณว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป ตราบใดที่ข้อมูลซึ่งได้รับมานั้น ยังคงสอดคล้องกับมุมมองของเฟดที่ว่า เศรษฐกิจจะมีการขยายตัวปานกลาง, ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
เงินปอนด์ได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยายตัว 1.5% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2559 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.6% หลังจากดีดตัวขึ้น 1.7% ในเดือนก.ย.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ย. จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย.