ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) ขานรับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสื่อรายงานว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงในหลักการสำหรับดีลการค้าเฟสแรกกับจีนแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 15 ธ.ค.นี้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.34 เยน จากระดับ 108.49 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9858 ฟรังก์ จากระดับ 0.9816 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3184 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3164 ดอลลาร์แคนาดา
สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1111 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1138 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3132 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3208 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6898 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6888 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นหลังจากสื่อต่างประเทศหลายแห่งรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้อนุมัติในหลักการแล้วสำหรับการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีน โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้จีนรอดพ้นจากการถูกเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าเพิ่มอีก 15% วงเงินราว 1.60 แสนล้านดอลลาร์ที่กำหนดไว้ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้
แหล่งข่าวระบุว่า ข้อตกลงที่ได้บรรดาที่ปรึกษาด้านการค้าได้ยื่นให้ปธน.ทรัมป์อนุมัตินั้น ครอบคลุมถึงการที่จีนให้คำมั่นสัญญาว่าจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้มีการหารือกันเกี่ยวกับการลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วก่อนหน้านี้
ส่วนสกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับย้ำว่าจะเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดย ECB จะซื้อพันธบัตรในวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโร/เดือน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้น 49,000 ราย แตะระดับ 252,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560 ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ทรงตัว หรือเพิ่มขึ้น 0% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากพุ่งขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค.