เงินปอนด์อ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) หลังจากสื่อรายงานว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมออกกฎหมายป้องกันไม่ให้มีการขยายเวลาช่วงเปลี่ยนผ่านของอังกฤษหลังจากแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) เกินสิ้นปี 2563 ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าอังกฤษอาจแยกตัวจากสหภาพยุโรป (EU) โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit)
ทั้งนี้ เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3119 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3350 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรขยับขึ้นสู่ระดับ 1.1148 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1147 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.6849 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6890 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.47 เยน จากระดับ 109.59 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9801 ฟรังก์ จากระดับ 0.9825 ฟรังก์ แต่หากเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3165 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3155 ดอลลาร์แคนาดา
เงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจากสื่ออังกฤษรายงานว่า นายกรัฐมนตรีจอห์นสันจะเพิ่มบทบัญญัติหนึ่งเข้าไปในร่างกฎหมาย Brexit ซึ่งจะระบุห้ามการขยายช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของอังกฤษเกินกว่าเดือนธ.ค.2563 หลังจากที่อังกฤษแยกตัวจาก EU อย่างเป็นทางการในวันที่ 31 ม.ค.2563
รายงานดังกล่าวสร้างความวิตกว่าระยะเวลา 11 เดือนที่เหลืออยู่จะไม่เพียงพอสำหรับการเจรจาการค้าระหว่างอังกฤษและ EU ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะ no-deal Brexit
สื่อระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวของรัฐบาลอังกฤษมีวัตถุประสงค์เพื่อกดดัน EU ในการเจรจาการค้า และเพื่อเร่งกระบวนการทำข้อตกลงการค้า
ทั้งนี้ ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน อังกฤษจะยังคงอยู่ภายใต้กฎหมายของ EU เหมือนกับประเทศสมาชิกอื่นๆของ EU แต่อังกฤษจะไม่มีสิทธิส่งตัวแทนเข้าไปนั่งในองค์กรต่างๆของ EU
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.7% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่พนักงานของบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ยุติการผละงานประท้วง
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.365 ล้านยูนิต จากระดับ 1.323 ล้านยูนิตในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนพ.ย.จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.345 ล้านยูนิต โดยได้ปัจจัยหนุนจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองในระดับต่ำ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3/2562, ดัชนีการผลิตเดือนธ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน