เงินปอนด์ยังคงอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าอังกฤษอาจแยกตัวจากสหภาพยุโรป (EU) โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit) นอกจากนี้ เงินปอนด์ยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของอังกฤษ ซึ่งรวมถึงราคาบ้านเดือนต.ค.ที่ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี
เงินปอนด์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3083 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3119 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1115 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1148 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.6850 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6849 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.58 เยน จากระดับ 109.47 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9802 ฟรังก์ จากระดับ 0.9801 ฟรังก์ แต่หากเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3110 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3165 ดอลลาร์แคนาดา
เงินปอนด์ยังคงร่วงลงจากข่าวที่ว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมออกกฎหมายป้องกันไม่ให้มีการขยายเวลาช่วงเปลี่ยนผ่านของอังกฤษหลังจากแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) เกินสิ้นปี 2563 โดยนายจอห์นสันจะเพิ่มบทบัญญัติหนึ่งเข้าไปในร่างกฎหมาย Brexit ซึ่งจะระบุห้ามการขยายช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของอังกฤษเกินกว่าเดือนธ.ค.2563 หลังจากที่อังกฤษแยกตัวจาก EU อย่างเป็นทางการในวันที่ 31 ม.ค.2563
รายงานดังกล่าวสร้างความวิตกว่าระยะเวลา 11 เดือนที่เหลืออยู่จะไม่เพียงพอสำหรับการเจรจาการค้าระหว่างอังกฤษและ EU ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะ no-deal Brexit
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของอังกฤษยังเป็นปัจจัยกดดันเงินปอนด์เช่นกัน โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษปรับตัวขึ้นเพียง 0.7% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี หลังจากพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนก.ย. ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษขยายตัว 1.5% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2559
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3/2562, ดัชนีการผลิตเดือนธ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน