ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านมือสองที่ลดลงในเดือนพ.ย. ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจาก ธนาคารกลางอังกฤษปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจของอังกฤษในไตรมาส 4
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.28 เยน จากระดับ 109.58 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9776 ฟรังก์ จากระดับ 0.9802 ฟรังก์ แต่หากเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3118 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3110 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1124 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1115 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3014 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3083 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.6885 ดอลลาร์ จากระดับ 0.6850 ดอลลาร์สหรัฐ
ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐได้สร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินดอลลาร์ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 1.7% สู่ระดับ 5.35 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย. จากระดับ 5.44 ล้านยูนิตในเดือนต.ค.
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 18,000 ราย สู่ระดับ 234,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ตัวเลขดังกล่าวลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 225,000 ราย
ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ร่วงลงสู่ระดับ 0.3 ในเดือนธ.ค. แตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.0 จากระดับ 10.4 ในเดือนพ.ย.
ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษในไตรมาส 4 สู่ระดับ 0.1% จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนพ.ย.ที่ระดับ 0.2%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในคืนนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน