สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รูเปียห์มีแนวโน้มเป็นสกุลเงินเอเชียที่แข็งค่ามากที่สุดในปีนี้ แซงหน้าสกุลเงินบาทของไทย ซึ่งเป็นสกุลเงินเอเชียที่แข็งค่ามากที่สุดในปีที่แล้ว
ทั้งนี้ รูเปียห์ ซึ่งเป็นสกุลเงินเอเชียที่แข็งค่ามากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในปีที่แล้ว ได้ดีดตัวขึ้นติดต่อกัน 7 สัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอินโดนีเซีย โดยได้รับแรงจูงใจจากอัตราผลตอบแทนในระดับสูงถึง 5-8%
นอกจากนี้ ธนาคารกลางอินโดนีเซียส่งสัญญาณว่า ทางธนาคารกลางจะยังคงปล่อยให้รูเปียห์แข็งค่าขึ้นต่อไป ตราบใดที่การแข็งค่าดังกล่าวสะท้อนถึงเศรษฐกิจอินโดนีเซียที่แข็งแกร่งขึ้น และธนาคารกลางสามารถควบคุมความผันผวนในตลาด
จุดยืนของธนาคารกลางอินโดนีเซียสวนทางท่าทีของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งได้ประกาศมาตรการสกัดการแข็งค่าของบาท
ขณะเดียวกัน รูเปียห์ยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เปิดเผยว่าจะจัดสรรเงินจำนวน 2.28 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าลงทุนในกองทุนความมั่งคั่งของอินโดนีเซีย ขณะที่บริษัทซอฟท์แบงก์ กรุ๊ป คอร์ป ของญี่ปุ่น ได้ยื่นข้อเสนอที่จะลงทุนคิดเป็นวงเงิน 3-4 หมื่นล้านดอลลาร์ในการพัฒนาเมืองหลวงแห่งใหม่ของอินโดนีเซียบนเกาะบอร์เนียว ส่วนบรรษัทพัฒนาการเงินระหว่างประเทศของสหรัฐ (IDFC) เตรียมลงทุนในอินโดนีเซียเช่นกัน ซึ่งได้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน
อย่างไรก็ดี ช่วงขาขึ้นของรูเปียห์อาจถูกจำกัด หากธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้ ขณะที่ประธานาธิบดีโจโก วิโดโดกล่าวว่า การแข็งค่าของรูเปียห์จะส่งผลกระทบต่อการส่งออก