ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) หลังจากจีนเปิดเผยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้นอย่างมาก โดยมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนเกณฑ์ในการนับจำนวนผู้ติดเชื้อ
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0842 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0868 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3053 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2958 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6724 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6735 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.82 เยน จากระดับ 110.08 เยน แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9792 ฟรังก์ จากระดับ 0.9783 ฟรังก์ และแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3260 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3259 ดอลลาร์แคนาดา
นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์และเงินเยนในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงเมื่อวานนี้ว่า ณ วันพุธที่ 12 ก.พ. จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เฉพาะในมณฑลหูเป่ยที่เดียวนั้น เพิ่มขึ้น 14,840 ราย สู่ระดับ 48,206 ราย ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสุดสุดนับตั้งแต่มีการรายงานข้อมูล ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตในมณฑลหูเป่ยเพิ่มขึ้น 242 ราย แตะที่ระดับ 1,310 ราย
สาเหตุที่ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในมณฑลหูเป่ยพุ่งสูงขึ้นนี้ เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์การคำนวณ โดยให้นับรวมผู้ติดเชื้อที่ได้รับการวินิจฉัยทางคลินิก (Clinically diagnosed cases) โดยผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยทางคลินิก คือกลุ่มผู้ป่วยที่แสดงอาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ยังไม่ทราบผลการตรวจตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์ หรือผู้ป่วยอาจจะเสียชีวิตก่อนที่จะได้รับการตรวจทางวิทยาศาสตร์
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ในเดือนหน้าอังกฤษจะเปิดเผยงบประมาณรายจ่ายเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งอาจจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอังกฤษ และทำให้ธนาคารกลางอังกฤษไม่ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ได้มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ระดับ 205,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนม.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน