ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากผลสำรวจที่บ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือนก.พ. นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนเมื่อเทียบกับยูโรจากการเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซนที่ชะลอการขยายตัวในไตรมาส 4/2562
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.05% สู่ระดับ 99.1248
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0839 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0842 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3032 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3053 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6710 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6724 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9818 ฟรังก์ จากระดับ 0.9792 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 109.76 เยน จากระดับ 109.82 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาโดยแตะที่ระดับ 1.3252 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3260 ดอลลาร์แคนาดา
ดอลลาร์ได้แรงหนุนจากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 100.9 ในเดือนก.พ. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 99.5 หลังจากแตะระดับ 99.8 ในเดือนม.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้น แม้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ขณะที่ดัชนีได้แรงหนุนจากสถานะการเงินส่วนบุคคล และการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจในอนาคต
ส่วนยูโรเผชิญแรงกดดันหลังสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซน มีการขยายตัวเพียง 0.1% ในไตรมาส 4/2562 เมื่อเทียบรายไตรมาส หลังจากขยายตัว 0.3% ในไตรมาส 3 และเมื่อเทียบรายปี เศรษฐกิจยูโรโซนมีการขยายตัว 0.9% ในไตรมาส 4 หลังจากขยายตัว 1.2% ในไตรมาส 3