ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) โดยถูกกดดันจากการที่นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในเดือนนี้ ขณะที่ดอลลาร์ไม่ได้รับแรงหนุนแต่อย่างใดจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งวัดค่าดอลลาร์เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินสำคัญ ลดลง 0.91% สู่ระดับ 95.9613
ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 105.23 เยน จากระดับ 106.39 เยน, อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สวิส ที่ระดับ 0.9368 ฟรังก์ จากระดับ 0.9486 ฟรังก์ และเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าแตะที่ระดับ 1.3423 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3427 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1314 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1199 ดอลลาร์, เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3013 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2945 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าแตะระดับ 0.6639 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6591 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยถูกกดดันจากการคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หลังจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ระดับ 1-1.25% ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด-19
บรรดานักลงทุนคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในเดือนมี.ค.นี้ โดย FedWatch tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า มีโอกาส 60.4% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.75% และมีโอกาส 39.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50%
ดอลลาร์ไม่ได้รับแรงหนุน แม้กระทรวงเกษตรสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 273,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 175,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี จากระดับ 3.6% ในเดือนม.ค.
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในเดือนม.ค. โดยดิ่งลง 6.7% สู่ระดับ 4.53 หมื่นล้านดอลลาร์ และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 4.61 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 4.86 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.