ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ในช่วงเวลาที่ไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักทั่วโลก
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.63 เยน จากระดับ 107.95 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9864 ฟรังก์ จากระดับ 0.9694 ฟรังก์ แต่เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.4514 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4559 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0672 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0872 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1525 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1596 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.5766 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.5781 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์ถือเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ เช่น ยูโรและปอนด์ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ข้อมูลล่าสุดจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนอย่างน้อย 10,755 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 150 ราย
นอกจากนี้ รัฐนิวยอร์กรายงานว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 1,769 ราย รวมเป็น 4,152 ราย ส่งผลให้ผู้ว่าการรัฐออกคำสั่งให้พนักงานจำนวน 75% ในธุรกิจที่ไม่มีความสำคัญ ให้อยู่แต่ในบ้าน ขณะที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหาร ร้านขายยา การรักษาสุขภาพ และการขนส่งสินค้ายังคงเปิดทำการ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่มีผลต่อความเคลื่อนไหวในตลาดปริวรรตเงินตรานั้น Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีดิ่งลงสู่ระดับ 87.7 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2552 และทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2534 จากระดับ 96.0 ในเดือนก.พ.
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ดิ่งลงสู่ระดับ -12.7 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2555 จากระดับ +36.7 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2560
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้น 70,000 ราย สู่ระดับ 281,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย.2560 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 220,000 ราย
ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานมีสาเหตุจากการที่ภาคธุรกิจแห่ปลดพนักงาน ท่ามกลางผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19