ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 มี.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดและลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการลุกลามของไวรัสโควิด-19
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.00 เยน จากระดับ 107.80 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9597 ฟรังก์ จากระดับ 0.9534 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4160 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3943 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1027 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1114 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2386 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2472 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6153 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6189 ดอลลาร์สหรัฐ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขยายช่วงเวลาในการแนะนำให้ประชาชนเว้นระยะห่างทางสังคมออกไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยข้อปฏิบัติดังกล่าว ได้รวมถึงการแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการชุมนุมเกิน 10 คน หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารนอกบ้าน หลีกเลี่ยงการซื้อของนอกบ้าน และให้เด็กเรียนหนังสือจากที่บ้าน
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ยังยืนยันความตั้งใจที่จะผลักดันให้มีการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐอีกครั้งภายในเทศกาลอีสเตอร์ ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ที่ 12 เม.ย.นี้ พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่า สหรัฐจะฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายในวันที่ 1 มิ.ย.
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในมาตรการเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด-19 วงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่ข้อมูลล่าสุดของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 777,286 ราย และยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกอยู่ที่ 37,140 ราย
รายงานของ CSSE ระบุว่า สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนี้อยู่ที่ 160,020 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 2,953 ราย โดยรัฐนิวยอร์กซึ่งได้รับผลกระทบหนักสุดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น มีรายงานผู้ติดเชื้อมากกว่า 66,000 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1,218 ราย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนม.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จาก Conference Board, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมี.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนมี.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลการค้าเดือนก.พ., ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนมี.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมี.ค.จากมาร์กิต และดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)