ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบด้านเศรษฐกิจทั่วโลกจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ทรุดตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.39% สู่ระดับ 100.5639 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.27 เยน จากระดับ 107.85 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9760 ฟรังก์ จากระดับ 0.9730 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4154 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4190 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0811 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0851 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าแตะที่ระดับ 1.2272 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2396 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.5998 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6048 ดอลลาร์
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนที่มีความเสี่ยง และเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่ทรุดตัวลงอย่างหนักในเดือนมี.ค.ได้บ่งชี้ให้เห็นถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรดิ่งลง 701,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2553 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่า อาจลดลงเพียง 10,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นสู่ระดับ 4.4% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2560 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.7% หลังจากแตะระดับ 3.5% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี
การลดลงของตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรมีสาเหตุจากการที่ภาคธุรกิจได้พากันปิดกิจการจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และทำให้มีการปลดพนักงานจำนวนมาก