ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ หลังรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกทรุดตัวลงอย่างหนักในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.07% สู่ระดับ 100.4103 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9722 ฟรังก์ จากระดับ 0.9744 ฟรังก์ แต่หากเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 107.30 เยน จากระดับ 107.23 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4108 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4073 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0813 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0782 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าแตะที่ระดับ 1.2118 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2193 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6417 ดอลลาร์ จากระดับ 0.6430 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนขายดอลลาร์ออกมา หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกทรุดตัวลง 16.4% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการดิ่งลงหนักที่สุดนับตั้งแต่ที่รัฐบาลเริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวตั้งแต่ปี 2535 และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะร่วงลง 12.3% หลังจากลดลง 8.3% ในเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มีการปิดร้านค้า ขณะที่ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน และลดการใช้จ่าย รวมทั้งลดการเดินทาง