ยูโรยังคงแข็งค่าเทียบดอลลาร์และเยนในวันนี้ ขานรับข่าวที่ว่า ฝรั่งเศสและเยอรมนีเสนอตั้งกองทุนฟื้นฟูวงเงิน 5 แสนล้านยูโร
ณ เวลา 21.37 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.18% สู่ระดับ 107.48 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.43% สู่ระดับ 118.10 เยน และดีดตัวขึ้น 0.63% สู่ระดับ 1.0990 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.29% สู่ระดับ 99.08
ทั้งนี้ ฝรั่งเศสและเยอรมนีเห็นพ้องกันในการเสนอตั้งกองทุนฟื้นฟูวงเงิน 5 แสนล้านยูโรเพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศในยุโรปซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังเห็นพ้องกันในการเสนอให้มีการอนุญาตให้คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) ให้ทำการกู้ยืมเงินในตลาดการเงินในนามของ EU
การที่ฝรั่งเศสและเยอรมนีเห็นพ้องต่อมาตรการดังกล่าว ถือเป็นการยุติความขัดแย้งของทั้งสองประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ฝรั่งเศสต้องการผลักดันการตั้งกองทุนดังกล่าว ในขณะที่เยอรมนีมีท่าทีไม่เห็นด้วย เนื่องจากจะขัดต่อการรักษาวินัยทางการคลัง
นอกจากนี้ ยูโรยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีพุ่งขึ้นสู่ระดับ 51.0 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 28.2 ในเดือนเม.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 32.0
รัฐบาลอังกฤษได้ทำการออกพันธบัตรที่มีอัตราผลตอบแทนติดลบเป็นครั้งแรกในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางหลายแห่งเตรียมเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ทั้งนี้ สำนักบริหารหนี้รัฐบาลอังกฤษ (DMO) เปิดเผยในวันนี้ว่า ทางสำนักงานสามารถจำหน่ายพันธบัตรอายุ 3 ปี วงเงิน 3.8 พันล้านปอนด์ในการประมูลวันนี้ โดยมีอัตราผลตอบแทน -0.003%
การจำหน่ายพันธบัตรดังกล่าว ส่งผลให้อังกฤษอยู่ในกลุ่มประเทศเดียวกับเยอรมนี ญี่ปุ่น และอีกหลายชาติในยุโรป ที่มีการออกพันธบัตรที่มีอัตราผลตอบแทนติดลบ
นักวิเคราะห์ระบุว่า การใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบจะฉุดให้ปอนด์อ่อนค่าลง และหากปอนด์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ก็จะเป็นอุปสรรคต่อการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE