ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนเทียบสกุลเงินหลัก เหตุนักลงทุนรุกซื้อสินทรัพย์เสี่ยง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 9, 2020 08:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง เช่นสกุลเงินยูโร ท่ามกลางความหวังที่ว่า เศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวหลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.32% สู่ระดับ 96.6279 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.33 เยน จากระดับ 109.60 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9568 ฟรังก์ จากระดับ 0.9621 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3363 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3432 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1303 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1294 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2722 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2670 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7020 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6967 ดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากหลายประเทศทั่วโลกได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อเปิดทางให้ธุรกิจในภาคส่วนต่างๆได้กลับมาดำเนินการอีกครั้ง

นางเจซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เปิดเผยว่า นิวซีแลนด์จะยกเลิกข้อจำกัดในการเว้นระยะห่างทางสังคมและข้อกำหนดที่เข้มงวดสำหรับภาคธุรกิจ เพื่อปูทางให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ภายหลังจากที่ผู้ป่วยโรคโควิด-19 คนสุดท้ายหายจากอาการป่วยแล้ว

ทางด้านญี่ปุ่นและออสเตรเลียเห็นพ้องกันว่าจะเริ่มหารือเรื่องการเดินทางระหว่างสองประเทศ หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสองประเทศกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 9-10 มิ.ย. เพื่อมองหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะจัดการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมในวันที่ 10 มิ.ย. โดยคาดว่าเขาจะเน้นย้ำว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยไม่จำกัดวงเงินและเวลา เพื่อรักษาสภาพคล่องในตลาด

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนพ.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนเม.ย., ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนเม.ย., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ