ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเดินหน้าเทขายสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง เช่นสกุลเงินยูโร ท่ามกลางความหวังที่ว่า เศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวหลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันพุธตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.31% สู่ระดับ 96.3320 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 107.73 เยน จากระดับ 108.33 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9501 ฟรังก์ จากระดับ 0.9568 ฟรังก์ แต่หากเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3394 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3363 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1343 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1303 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2739 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2722 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6965 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7020 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนยังคงเทขายดอลลาร์ และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากหลายประเทศทั่วโลกได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อเปิดทางให้ธุรกิจในภาคส่วนต่างๆได้กลับมาดำเนินการอีกครั้ง โดยรัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศยกเลิกข้อจำกัดในการเว้นระยะห่างทางสังคมและข้อกำหนดที่เข้มงวดสำหรับภาคธุรกิจ เพื่อปูทางให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ภายหลังจากที่ผู้ป่วยโรคโควิด-19 คนสุดท้ายหายจากอาการป่วยแล้ว
ขณะที่รัฐบาลออสเตรเลียประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และเปิดให้ธุรกิจทั่วประเทศกลับมาดำเนินการอีกครั้ง โดยออสเตรเลียถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทางด้านสหรัฐนั้น ล่าสุดนครนิวยอร์กกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งในเฟสแรก หลังดำเนินมาตรการล็อกดาวน์มาเป็นเวลาเกือบสามเดือน และครบ 100 วันนับตั้งแต่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายแรก
นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดซึ่งจะมีการแถลงในวันพุธตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ย
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะจัดการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมในครั้งนี้ โดยคาดว่าเขาจะเน้นย้ำว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยไม่จำกัดวงเงินและเวลา เพื่อรักษาสภาพคล่องในตลาด
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้น 4.5 จุด สู่ระดับ 94.4 ในเดือนพ.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทางด้านสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 965,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 5.0 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน