ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 มิ.ย.) ขานรับรายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐที่ทำสถิติพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้ หลังจากที่ได้กล่าวแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐเมื่อวานนี้
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.26% แตะที่ระดับ 96.9586 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9494 ฟรังก์ จากระดับ 0.9481 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3567 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3561 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 107.28 เยน จากระดับ 107.32 เยน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1271 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1315 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2577 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2582 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.6893 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6915 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์ได้รับปัจจัยหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 17.7% ในเดือนพ.ค. ทำสถิติทะยานขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 8.0% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค หลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
ทางด้านนายพาวเวลได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐเมื่อวานนี้ โดยเตือนว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่ธุรกิจขนาดย่อม และผู้ที่มีรายได้ระดับต่ำ รวมทั้งชาวอเมริกันซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย เป็นกลุ่มที่เผชิญความเสี่ยงมากที่สุด
ส่วนในวันนี้ นายพาวเวลมีกำหนดแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ
สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี (Destatis) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวลง 0.1% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน โดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างหนัก ขณะที่สำนักงานสถิติระบุด้วยว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เยอรมนีประสบปัญหาในการรวบรวมข้อมูลด้านราคา เช่นเดียวกับในเดือนเม.ย. เนื่องจากสินค้าบางประเภทไม่สามารถออกสู่ตลาดได้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐปรับตัวขึ้น 1.4% ในเดือนพ.ค. หลังจากหดตัว 12.5% ในเดือนเม.ย.
ทางด้านสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านพุ่งขึ้น 21 จุด สู่ระดับ 58 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับแรงหนุนจากความสนใจมากขึ้นจากผู้ที่ต้องการซื้อบ้าน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองอยู่ในระดับต่ำ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนพ.ค.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด