ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนพากันเทขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังการเปิดเผยความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.19% สู่ระดับ 97.2120 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 107.49 เยน จากระดับ 107.98 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9464 ฟรังก์ จากระดับ 0.9475 ฟรังก์ แต่หากเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 1.3587 ดอลลาร์แคนาดา 1.3586 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1244 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1233 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2466 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2390 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.6913 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6897 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนเทขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงและให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า เช่นยูโรและเงินปอนด์ หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.369 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ขณะเดียวกัน ADP ได้ปรับตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนในเดือนพ.ค. โดยรายงานว่ามีการจ้างงานพุ่งขึ้น 3.065 ล้านตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่า การจ้างงานลดลง 2.76 ล้านตำแหน่ง
ทางด้านผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 52.6 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว จากระดับ 43.1 ในเดือนพ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.5
ทั้งนี้ ข้อมูลของ ISM สอดคล้องกับที่ไอเอชเอส มาร์กิต รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49.8 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 39.8 ในเดือนพ.ค.
นอกจากนี้ ความคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสกุลเงินปลอดภัย โดยไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐเปิดเผยว่า ผลการทดลองใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในมนุษย์ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ โดยไฟเซอร์ได้ดำเนินการทดลองดังกล่าวร่วมกับ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี และคาดว่าบริษัทจะสามารถผลิตวัคซีน 100 ล้านโดสภายในปลายปีนี้ และมากกว่า 1.2 พันล้านโดสภายในสิ้นปีหน้า
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราว่างงานเดือนมิ.ย., ดุลการค้าเดือนพ.ค., ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนมิ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค.