ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ออกมา หลังผิดหวังกับการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.26% สู่ระดับ 93.0957 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 106.55 เยน จากระดับ 106.90 เยน และดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9093 ฟรังก์ จากระดับ 0.9107 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3256 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3224 ดอลลาร์แคนาดา
ส่วนยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 1.1837 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1800 ดอลลาร์, เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3090 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3053 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าแตะระดับ 0.7173 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7143 ดอลลาร์สหรัฐ
บรรดานักลงทุนขายดอลลาร์ออกมา หลังผิดหวังกับการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเพียง 1.2% ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.9% หลังจากที่ดีดตัวขึ้น 8.4% ในเดือนมิ.ย.
ก่อนหน้านี้ ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้นถึง 18.2% ในเดือนพ.ค. ทำสถิติทะยานขึ้นมากเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการรวบรวมตัวเลขดังกล่าวในปี 2535
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในเดือนก.ค.นั้น ได้รับแรงกดดันจากการที่หลายรัฐชะลอการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังพบการแพร่ระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19