ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับสหรัฐเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นเกินคาด
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.01% แตะที่ 93.3330 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐทรงตัวเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 106.11 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9096 ฟรังก์ จากระดับ 0.9100 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3193 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3178 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1830 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1824 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าแตะระดับ 0.7274 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7266 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าแตะที่ระดับ 1.2791 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2798 ดอลลาร์
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย.และก.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนส.ค. หลังจากดีดตัวขึ้น 1.0% ในเดือนก.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI อาจเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และอาจเพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบรายปี
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานดีดตัวขึ้น 1.7% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนก.ค.
บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 ก.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าเฟดจะให้รายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับ "เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย" ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวถึงในการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮลเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญ โดยเฟดจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐ