ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน ก่อนที่นักลงทุนจะรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันพุธตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ขยับลง 0.01% แตะที่ 93.0501 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 105.45 เยน จากระดับ 105.70 เยน แต่แข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9079 ฟรังก์ จากระดับ 0.9078 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3180 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3178 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1853 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1863 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งขึ้นแตะที่ระดับ 1.2897 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2853 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7308 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7291 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ที่ประชุมเฟดจะให้รายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับ "เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย" ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้กล่าวถึงในการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญ
ทั้งนี้ การประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินดังกล่าว ส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มน้อยลงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่ออัตราว่างงานลดลง ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อไม่ได้ดีดตัวขึ้น ขณะที่ก่อนหน้านี้ เฟดมีความเชื่อว่าอัตราว่างงานต่ำจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นจนถึงขีดอันตราย ทำให้เฟดดำเนินการล่วงหน้าด้วยการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่อาจก่อตัวขึ้น
ผลการสำรวจของสำนักข่าว CNBC พบว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% และจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2566
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ เฟดสาขานิวยอร์กเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 3.5% ในเดือนก.ค. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคานำเข้าดีดตัวขึ้นมากกว่าคาดในเดือนส.ค. โดยปรับตัวขึ้น 0.9% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากพุ่งขึ้น 1.2% ในเดือนก.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค., ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนส.ค.จาก Conference Board