ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการล็อกดาวน์ในยุโรปเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างสหรัฐและจีน
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.36% แตะที่ระดับ 93.9916 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน ที่ระดับ 104.92 เยน จากระดับ 104.78 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9198 ฟรังก์ จากระดับ 0.9152 ฟรังก์ แต่เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3309 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3318 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1704 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1754 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2733 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2795 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7166 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7206 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนยังคงเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยและมีสภาพคล่องสูง อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในยุโรป ขณะที่ล่าสุดรัฐบาลอังกฤษประกาศใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศมาตรการควบคุมโควิด-19 เมื่อวานนี้ ซึ่งได้แก่ การให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน หากสามารถทำได้, ผับและร้านอาหารจะต้องปิดร้านตั้งแต่เวลา 22.00 น. โดยเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีนี้, ประชาชนห้ามรวมกลุ่มกันมากกว่า 6 คน, มีการกำหนดสถานที่มากขึ้นที่บังคับให้ประชาชนจะต้องสวมหน้ากากอนามัย และมีการกำหนดบทลงโทษสำหรับภาคธุรกิจและประชาชนที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาล
นายจอห์นสันยังเตือนว่ารัฐบาลจะบังคับใช้มาตรการดังกล่าวเป็นเวลา 6 เดือน หากยังไม่มีความคืบหน้าใหม่ๆในด้านการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 และรัฐบาลจะใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้น หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น
นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดซึ่งมีกำหนดเข้าให้ข้อมูลต่อคณะอนุกรรมการประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันพุธตามเวลาสหรัฐ และจะเข้าแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐ
ส่วนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายพาวเวลได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเกี่ยวกับการดำเนินการของเฟดและรัฐบาลสหรัฐในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยนายพาวเวลกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่อาจจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่จะฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือนส.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 24.7% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการรวบรวมข้อมูลในปี 2511
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค. และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค.