ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนหันไปถือครองสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยง ท่ามกลางความหวังเกี่ยวกับความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
ณ เวลา 23.53 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ขยับขึ้น 0.08% สู่ระดับ 105.53 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.32% สู่ระดับ 123.92 เยน และดีดตัวขึ้น 0.22% สู่ระดับ 1.174 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ลบ 0.18% สู่ระดับ 93.72
นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ว่านายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาเมื่อวานนี้ แต่ทั้งสองฝ่ายระบุว่าการเจรจาจะยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งนักลงทุนมองว่าถือเป็นสัญญาณบวกที่แสดงว่าทั้งสองฝ่ายยังมีโอกาสบรรลุข้อตกลง
ทั้งนี้ พรรคเดโมแครตเสนอมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่พรรครีพับลิกันเสนอในวงเงิน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งในวันนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 837,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 850,000 ราย หลังจากอยู่ที่ระดับ 873,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกต่ำกว่าระดับ 1 ล้านรายเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน หลังจากพุ่งเหนือระดับ 1 ล้านรายเป็นเวลานาน 5 เดือน นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเดือนมี.ค.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.8% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนก.ค.
การใช้จ่ายของผู้บริโภคได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้มีการปิดร้านค้าต่างๆ ส่งผลให้มีผู้ตกงานจำนวนมาก และฉุดอุปสงค์ในการใช้จ่ายสินค้า
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค.