ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อน นักลงทุนขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังตลาดหุ้นพุ่งแรง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 6, 2020 07:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ซึ่งรวมถึงหุ้น หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ ขานรับข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีอาการดีขึ้นจากการป่วยด้วยโรคโควิด-19 รวมทั้งความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.35% แตะที่ 93.5166 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9160 ฟรังก์ จากระดับ 0.9205 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3268 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3302 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 105.72 เยน จากระดับ 105.37 เยน

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1774 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1712 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2971 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2931 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7174 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7158 ดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับข่าวปธน.ทรัมป์อาการดีขึ้นหลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า ปธน.ทรัมป์ออกจากศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์ รีดแล้วในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐยังได้รับปัจจัยหนุนจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ หลังจากนายมาร์ก มีโดวส์ หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า มีแนวโน้มสูงที่ทำเนียบขาวจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ และปธน.ทรัมป์เองก็มุ่งมั่นที่จะผลักดันให้มีข้อตกลงดังกล่าว

ทั้งนี้ นายมีโดวส์ยังกล่าวด้วยว่า ในช่วงที่ปธน.ทรัมป์เข้ารับการรักษาอาการป่วยจากโควิด-19 ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันศุกร์ เขาก็ได้ติดต่ออย่างใกล้ชิดกับนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 57.8 ในเดือนก.ย. จากระดับ 56.9 ในเดือนส.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 56.0 โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน

ทางด้านไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.6 ในเดือนก.ย. จากระดับ 55.0 ในเดือนส.ค. โดยถึงแม้ดัชนี PMI ปรับตัวลงในเดือนก.ย. แต่อยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว

ดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ในเดือนก.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคบริการของสหรัฐมีการขยายตัว โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของการจ้างงาน และคำสั่งซื้อใหม่ แม้ว่าความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดุลการค้าเดือนส.ค., ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนส.ค. และรายงานการประชุมเดือนก.ย.ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ