ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่า รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังทรัมป์ระงับเจรจาแผนกระตุ้นศก.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 7, 2020 07:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้สั่งการให้คณะบริหารของทำเนียบขาวระงับการเจรจาเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่กับพรรคเดโมแครต ไปจนถึงหลังวันเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.18% แตะที่ระดับ 93.6840 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9166 ฟรังก์ จากระดับ 0.9160 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3297 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3268 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 105.55 เยน จากระดับ 105.72 เยน

ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1752 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1774 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2900 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2971 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7116 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7174 ดอลลาร์สหรัฐ

ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความในวันอังคารตามเวลาสหรัฐว่า "ผมได้สั่งการให้คณะบริหารของผมระงับการเจรจาเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่กับพรรคเดโมแครต ไปจนถึงหลังวันเลือกตั้ง ซึ่งเมื่อผมชนะการเลือกตั้ง เราก็จะผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งสำคัญ ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การให้ความช่วยเหลือชาวอเมริกันที่ทำงานหนัก และภาคธุรกิจขนาดเล็ก"

การตัดสินใจดังกล่าวของปธน.ทรัมป์ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

ทั้งนี้ การทวีตข้อความของปธน.ทรัมป์มีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากสหรัฐยังคงจำเป็นต้องใช้มาตรการทางการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น มิฉะนั้นส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในเดือนส.ค. โดยเพิ่มขึ้น 5.9% สู่ระดับ 6.71 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2549 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.61 หมื่นล้านดอลลาร์

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนส.ค. และรายงานการประชุมเดือนก.ย.ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ