ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจากมีความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ในสหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 105.34 เยน จากระดับ 105.62 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9093 ฟรังก์ จากระดับ 0.9097 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3114 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3131 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1810 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1825 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3063 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3038 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7212 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7231 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากมีความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ในสหรัฐ โดยทำเนียบขาวได้ยื่นข้อเสนอครั้งใหม่แก่พรรคเดโมแครต ซึ่งจะเพิ่มวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสู่ระดับ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่พรรคเดโมแครตเสนอวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติมาตรการต่างๆ ที่เขาจะลงนาม ซึ่งได้แก่ การแจกเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันคนละ 1,200 ดอลลาร์ รวมทั้งการอัดฉีดวงเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบิน และวงเงิน 1.35 แสนล้านดอลลาร์สำหรับธุรกิจรายย่อย
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนก.ย.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนก.ย., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนต.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดค้าปลีกเดือนก.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน