ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากที่การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนได้หนุนแรงซื้อสกุลเงินของประเทศที่ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ และนักลงทุนยังขายดอลลาร์เพื่อเข้าลงทุนในตลาดหุ้นที่ยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.22% แตะที่ 91.8047 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 104.03 เยน จากระดับ 104.24 เยน, อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9045 ฟรังก์ จากระดับ 0.9061 ฟรังก์ และดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าแตะที่ระดับ 1.2984 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3018 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1957 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1915 ดอลลาร์, ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าสู่ระดับ 0.7388 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7362 ดอลลาร์สหรัฐ และเงินปอนด์อ่อนค่าแตะที่ระดับ 1.3304 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3356 ดอลลาร์
ดอลลาร์ร่วงลงมากกว่า 2% แล้วในเดือนพ.ย. ขณะที่นักลงทุนขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย หลังจากความเชื่อมั่นในตลาดโลกพุ่งขึ้นจากการที่นายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี และการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19 มีความคืบหน้าในเชิงบวก
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันศุกร์ว่า กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนพุ่งขึ้น 28.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 6.4291 แสนล้านหยวน (9.779 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของจีนมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา
ส่วนกระทรวงการคลังจีนเปิดเผยว่า รัฐวิสาหกิจจีน (SOE) ยังคงมีกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยรัฐวิสาหกิจจีนมีกำไรสุทธิรวมกันเพิ่มขึ้น 62.7% ในเดือนต.ค. ขณะที่รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบรายปี