ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนพากันเทขายดอลลาร์ ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และเข้าซื้อสกุลเงินอื่นๆที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยง เช่นยูโร หลังมีความคืบหน้าในการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งมีการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศ
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.26% แตะที่ 90.4750 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.69 เยน จากระดับ 104.06 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8854 ฟรังก์ จากระดับ 0.8869 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2696 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2759 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2157 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2146 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3429 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3323 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7556 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7543 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนลดความต้องการถือครองดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งมีการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศ โดยสมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครตได้เห็นพ้องที่จะแยกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9.08 แสนล้านดอลลาร์ออกเป็นร่างกฎหมาย 2 ฉบับเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส โดยฉบับแรกจะมีวงเงิน 7.48 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาผู้ที่ตกงานและธุรกิจขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ขณะที่อีกฉบับหนึ่งจะมีวงเงิน 1.60 แสนล้านดอลลาร์เพื่อให้ความช่วยเหลือมลรัฐต่างๆ
ส่วนข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนต้านโควิด-19 นั้น ขณะนี้ สหรัฐ อังกฤษ บาห์เรน แคนาดา และสิงคโปร์ได้ให้การอนุมัติวัคซีนของไฟเซอร์แล้ว ขณะเดียวกันหลายประเทศได้เริ่มฉีดวัคซีนให้กับประชาชนแล้ว ซึ่งรวมถึงสหรัฐ อังกฤษ และแคนาดา
นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และอาจจะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป นอกจากนี้ คาดว่า การอนุมัติใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เมื่อไม่นานมานี้ อาจจะทำให้เฟดปรับเพิ่มมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2564
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนต.ค.
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคานำเข้าปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับตัวลง 0.1% ในเดือนต.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนธ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนพ.ย.จาก Conference Board