ปอนด์อ่อนค่าเทียบดอลลาร์และยูโรในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลที่ว่าอังกฤษอาจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit)
ณ เวลา 20.50 น.ตามเวลาไทย ปอนด์ร่วงลง 0.36% สู่ระดับ 1.353 ดอลลาร์ และอ่อนค่า 0.3% สู่ระดับ 0.906 เทียบยูโร
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างอังกฤษและ EU กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่น่าวิตก และขณะนี้มีแนวโน้มอย่างมากว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลง เว้นแต่ EU จะเปลี่ยนแปลงจุดยืนของตน
ส่วนนายไมเคิล โกฟ รัฐมนตรีประจำสำนักคณะรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า โอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงมีน้อยกว่า 50%
ทางด้านนางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของ EU กล่าวว่า การเจรจามีความคืบหน้า แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในบางประเด็น โดยเฉพาะในด้านการประมง
นายจอห์นสันเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่า อังกฤษพร้อมที่จะยุติการเจรจาการค้ากับ EU และจะแยกตัวออกจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง
"เราจะยังคงมีความมั่งคั่งภายใต้การค้าในรูปแบบต่างๆ และถ้าเราจำเป็นต้องใช้รูปแบบของออสเตรเลียก็ไม่มีปัญหา" เขากล่าว
ทั้งนี้ ออสเตรเลียไม่ได้มีการทำข้อตกลงการค้าเสรีกับ EU โดยทั้งสองฝ่ายดำเนินการค้าภายใต้กฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (WTO)
ทางด้านนายมิเชล บาร์นิเยร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้แทนการเจรจาฝ่าย EU กล่าวว่า อังกฤษและ EU มีเวลาเหลืออีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงในการทำข้อตกลงการค้าสำหรับการบังคับใช้หลังจากที่อังกฤษแยกตัวออกจาก EU
"ทั้งสองฝ่ายมีโอกาสที่จะบรรลุข้อตกลง แต่แนวทางที่จะไปสู่การทำข้อตกลงดังกล่าวก็แคบลงทุกที เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่น่าวิตก ขณะที่เหลือเวลาเพียงเล็กน้อย โดยมีอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงในการเจรจา ถ้าเราต้องการให้ข้อตกลงนี้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2564" นายบาร์นิเยร์กล่าวต่อรัฐสภายุโรปในวันนี้
นายบาร์นิเยร์ยืนยันว่า EU จะไม่ยอมลงนามในข้อตกลงซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบตลาดเดี่ยวของ EU ที่มีผู้บริโภคมากถึง 450 ล้านคน
ผู้นำยุโรปต่างมองว่าอังกฤษกำลังต้องการได้ประโยชน์ทั้ง 2 ทาง โดยหวังที่จะยังคงได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าในการเข้าสู่ตลาดของ EU พร้อมกับการกำหนดกฎระเบียบของตนเอง
ทั้งนี้ อังกฤษและ EU ยังคงมีความขัดแย้งกันในประเด็นการประมง และการที่ EU กำหนดข้อบังคับให้มีการลงโทษอังกฤษ หากมีการละเมิดข้อตกลง
หากอังกฤษและ EU ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงก่อนวันที่ 1 ม.ค.2564 ก็จะทำให้อังกฤษแยกตัวออกจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง ส่งผลให้อังกฤษสูญเสียสิทธิพิเศษทางการค้ากับ EU และทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการค้าภายใต้กฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (WTO)
นอกจากนี้ ภาวะ no-deal Brexit จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอังกฤษและยุโรป และสร้างความตื่นตระหนกต่อตลาดการเงิน