เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนข่าวที่ว่า อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้า ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่ที่ร่วงลงต่ำกว่าการคาดการณ์ในเดือนพ.ย.
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.26% แตะที่ 90.4100 เมื่อคืนนี้
เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3480 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3353 ดอลลาร์ ขณะที่สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2179 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2160 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7572 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7530 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.61 เยน จากระดับ 103.68 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8889 ฟรังก์ จากระดับ 0.8901 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2857 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2902 ดอลลาร์แคนาดา
เงินปอนด์แข็งค่าขานรับความหวังเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษ และ EU โดยแหล่งข่าวจากวงการทูตระบุว่า สมาชิก 27 ชาติของสหภาพยุโรป (EU) ได้เริ่มเตรียมการสำหรับกระบวนการบังคับใช้ข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับอังกฤษเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2564
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวบ่งชี้ว่า ทั้งสองฝ่ายใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าที่จะมีการบังคับใช้หลังจากอังกฤษแยกตัวจาก EU (Brexit) ในช่วงสิ้นปีนี้
ส่วนดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ดิ่งลง 11.0% สู่ระดับ 841,000 ยูนิตในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 995,000 ยูนิต
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังระบุด้วยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐลดลง 0.4% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค.
นอกจากนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 80.7 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 76.9 ในเดือนพ.ย. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 81.3