ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับแนวโน้มที่รัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่อ่อนแอของสหรัฐจะเป็นปัจจัยผลักดันให้รัฐบาลสหรัฐชุดใหม่เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่เพื่อเยียวยาผลกระทบจากโรคโควิด-19 ด้วย
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.32% แตะ 90.1200 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.93 เยน จากระดับ 103.86 เยน, แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8865 ฟรังก์ จากระดับ 0.8849 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2711 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2685 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2212 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2268 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3560 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3570 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7747 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7759 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์ได้แรงหนุน หลังนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐเปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเขาจะมีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์
นายไบเดนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะบริหารของเขาจะประกอบด้วยเงินประกันการว่างงาน และการพักชำระหนี้ค่าเช่า โดยจะมีการประกาศมาตรการดังกล่าวในวันพฤหัสบดีหน้า
"จำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินในตอนนี้หรือไม่ คำตอบคือ ใช่ และจะเป็นมาตรการที่มีวงเงินทั้งหมดหลายล้านล้านดอลลาร์" นายไบเดนระบุ
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรลดลง 140,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 6.7% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.8%
อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์มองว่า ตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอในเดือนธ.ค.จะเป็นปัจจัยผลักดันให้รัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อเยียวยาผลกระทบจากโรคโควิด-19