ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) โดยดอลลาร์ปรับตัวตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1.1% เมื่อคืนนี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี่ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนธ.ค.
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.38% สู่ระดับ 90.4600
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 104.15 เยน จากระดับ 103.93 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8894 ฟรังก์ จากระดับ 0.8865 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2775 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2711 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2163 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2212 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3524 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3560 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7708 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7747 ดอลลาร์
ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปียังคงดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1.1% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้ปัจจัยหนุนจากแนวโน้มการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของสหรัฐเพื่อเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 หลังจากพรรคเดโมแครตครองอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในทำเนียบขาวและสภาคองเกรส ซึ่งจะเอื้อต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ หลังจากที่ถูกขัดขวางก่อนหน้านี้จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมทั้งจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 26-27 ม.ค. ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19