ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นเทียบสกุลเงินหลัก จากมุมมองที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว และสหรัฐมีความสามารถที่จะฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประชาชนได้ตามเป้า
ณ เวลา 00.24 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.3% สู่ระดับ 104.99 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.27% สู่ระดับ 126.65 เยน และร่วงลง 0.59% สู่ระดับ 1.206 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.44% สู่ระดับ 90.99
ยูโรอ่อนค่าลงในวันนี้ หลังเยอรมนีเปิดเผยยอดค้าปลีกทรุดตัวลง 9.6% ในเดือนธ.ค. โดยถูกกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทางด้านแอสตร้าเซนเนก้าแถลงว่า วัคซีนโควิด-19 ที่ทางบริษัทพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด จะมีการส่งมอบไปยังสหภาพยุโรป (EU) ต่ำกว่าเป้าหมายจนถึงปลายเดือนมี.ค. อันเนื่องจากปัญหาด้านการผลิต โดยคาดว่าจะมีการลดปริมาณการส่งมอบวัคซีนลง 60% เหลือเพียง 31 ล้านโดส ขณะที่บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ระบุเช่นกันว่า ทางบริษัทจะลดการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 เหลือเพียง 50% ให้แก่ยุโรป โดยจะกระทบการส่งมอบช่วงสิ้นเดือนนี้จนถึงต้นเดือน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าวว่า เขาหวังว่ารัฐบาลจะสามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ชาวอเมริกันจำนวนมากกว่า 1 ล้านโดสต่อวัน
"ผมหวังว่าเราจะสามารถให้การฉีดวัคซีนจำนวน 1.5 ล้านโดสต่อวัน มากกว่าที่จะเป็น 1 ล้านโดสต่อวัน" ปธน.ไบเดนกล่าว
ก่อนหน้านี้ ปธน.ไบเดนกล่าวว่า เขาจะผลักดันการฉีดวัคซีน 100 ล้านโดสให้แก่ชาวอเมริกันในช่วงการดำรงตำแหน่ง 100 วันแรกของเขา
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 5.1% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3.1% โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐภายใต้อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และหากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนผ่านการอนุมัติของสภาคองเกรส ก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวมากขึ้น