ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 เม.ย.) หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลง ซึ่งลดความน่าดึงดูดใจของดอลลาร์ และได้บดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.06% สู่ระดับ 91.5590 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 108.79 เยน จากระดับ 108.65 เยน, อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9198 ฟรังก์ จากระดับ 0.9217 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2501 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2536 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1978 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1975 ดอลลาร์ และเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3833 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3791 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7732 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7754 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีลดลงมาอยู่ที่ 1.56% ต่ำกว่าระดับในช่วงที่ผ่านมาระหว่าง 1.60-1.75% ซึ่งการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐนั้น ได้ลดความน่าสนใจในการเข้าซื้อดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลง แม้สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งก็ตาม โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้าน พุ่งขึ้น 19.4% ในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 1.739 ล้านยูนิต ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.613 ล้านยูนิต
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 86.5 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี จากระดับ 84.9 ในเดือนมี.ค. แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 89.6 โดยการพุ่งขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในวงกว้าง