ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 เม.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ปรับตัวลงในสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.2% แตะที่ 91.3389 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9182 ฟรังก์ จากระดับ 0.9172 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2498 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2496 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 108.09 เยน จากระดับ 108.10 เยน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2007 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2028 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3836 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3927 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์อ่อนเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7706 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7751 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 547,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 603,000 ราย
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ +1.71 ในเดือนมี.ค. จากระดับ -1.2 ในเดือนก.พ. โดยดัชนี CFNAI เป็นดัชนีถ่วงน้ำหนักตัวชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐจำนวน 85 รายการ ซึ่งดัชนี CFNAI ที่มีค่าเป็นบวกจะบ่งชี้ถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สูงกว่าแนวโน้ม และดัชนี CFNAI ที่มีค่าเป็นลบจะบ่งชี้ถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าแนวโน้ม
ทางด้าน Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมี.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.3% หลังจากที่ปรับตัวลง 0.1% ในเดือนก.พ.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนเม.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนเม.ย.จากมารฺ์กิต และยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค.
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 27-28 เม.ย. หลังเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 16-17 มี.ค. โดยระบุว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน