ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และเข้าซื้อสกุลเงินอื่นๆที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงและให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากราคาบิตคอยน์ดีดตัวขึ้น นอกจากนี้ การชะลอตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงด้วย
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.48% สู่ระดับ 89.8104 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.79 เยน จากระดับ 109.23 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8982 ฟรังก์ จากระดับ 0.9042 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2059 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2136 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2218 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2167 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งขึ้นสู่ระดับ 1.4185 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4104 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7771 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7712 ดอลลาร์สหรัฐ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 1.63% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยฉุดสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง นอกจากนี้ นักลงทุนได้เข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งรวมถึงยูโร หลังจากราคาบิตคอยน์ฟื้นตัวขึ้นเหนือระดับ 40,000 ดอลลาร์ ภายหลังจากนางเคธี วูด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Ark Investment Management ยังคงเชื่อมั่นในอนาคตของสกุลเงินบิตคอยน์ และคาดการณ์ว่าราคาบิตคอยน์จะทะยานขึ้นแตะระดับ 500,000 ดอลลาร์
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างมากหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมของวันที่ 27-28 เม.ย. โดยระบุว่า กรรมการเฟดได้หารือกันเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ และได้เสนอให้มีการเปิดอภิปรายเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการ QE โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว, จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงอย่างต่อเนื่อง และประชาชนในสหรัฐได้รับการฉีดวัคซีนมากขึ้น
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 34,000 ราย สู่ระดับ 444,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐเมื่อเดือนมี.ค.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 452,000 ราย ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกร่วงลงสู่ระดับ 31.5 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 50.2 ในเดือนเม.ย. โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของการจ้างงานและคำสั่งซื้อใหม่
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต และยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย.