ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนครึ่งในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน แม้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น
ณ เวลา 00.04 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ขยับขึ้น 0.11% สู่ระดับ 108.86 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.32% สู่ระดับ 133.22 เยน และดีดตัวขึ้น 0.18% สู่ระดับ 1.224 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ลบ 0.12% สู่ระดับ 89.74 หลังจากร่วงแตะ 89.53 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค.
นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก กล่าวสนับสนุนนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของเฟด แม้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น
นายอีแวนส์กล่าวว่า การดีดตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อก่อนหน้านี้จะไม่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อทะยานขึ้นแบบไม่พึงประสงค์ตามที่นักวิเคราะห์หลายคนได้เคยเตือนไว้
นอกจากนี้ นายอีแวนส์ยังกล่าวย้ำว่า เขาสนับสนุนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษของเฟด
"ผมยังไม่เคยเห็นสิ่งที่จะทำให้ผมเปลี่ยนแปลงการสนับสนุนของผมต่อจุดยืนการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของเฟด หรือการชี้นำของเราไปสู่แนวทางนโยบายดังกล่าว" นายอีแวนส์กล่าว
นายอีแวนส์กล่าวอีกว่า การใช้จ่ายของรัฐบาลเป็นปัจจัยหนุนคาดการณ์เงินเฟ้อก่อนหน้านี้ ซึ่งถือเป็นพัฒนาการที่น่าพึงพอใจ
นอกจากนี้ ตลาดจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2564 (ประมาณการครั้งที่ 2) ในวันพฤหัสบดี และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ โดยดัชนี PCE นับเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับ GDP ประจำไตรมาส 1/2564 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 6.4% ในไตรมาส 1 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.1% และเป็นตัวเลขการขยายตัวสูงเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ไตรมาส 3/2546 หลังจากที่เติบโต 4.3% ในไตรมาส 4/2563