เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 มิ.ย.) หลังจากนายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขคนใหม่ของอังกฤษประกาศว่า เขาต้องการให้อังกฤษยกเลิกมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งหมดตามกำหนดเดิมในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ส่วนสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ก่อนที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.04% แตะที่ 91.8864 เมื่อคืนนี้
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3877 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3875 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1923 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1931 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7565 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7584 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.53 เยน จากระดับ 110.82 เยน แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9197 ฟรังก์ จากระดับ 0.9176 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2342 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2306 ดอลลาร์แคนาดา
เงินปอนด์ดีดตัวขึ้นหลังจากนายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขคนใหม่ของอังกฤษยืนยันว่า เขาต้องการให้อังกฤษยกเลิกมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งหมดตามกำหนดเดิมในวันที่ 19 ก.ค. แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงพุ่งขึ้นในระยะนี้
"เรามองไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องล็อกดาวน์นานกว่า 19 ก.ค. เรารู้ว่าเราไม่สามารถที่จะกำจัดโควิด-19 ได้ เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน และเรารู้ว่าประชาชนและภาคธุรกิจต้องการความแน่นอน วันที่ 19 ก.ค.จึงเป็นเป้าหมายของเรา" นายจาวิดกล่าวต่อสภาสามัญชนของอังกฤษเมื่อวานนี้
นายจาวิดเคยเป็นทั้งอดีตรัฐมนตรีคลังและอดีตรัฐมนตรีมหาดไทยของอังกฤษ ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขแทนนายแมตต์ แฮนค็อกที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
เจน โฟลีย์ นักวิเคราะห์จากราโบแบงก์กล่าวว่า "ในฐานะที่เป็นอดีตรัฐมนตรีคลัง นายจาวิดจะมีความระมัดระวังเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะเกิดจากมาตรการล็อกดาวน์"
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตรัฐเท็กซัสดีดตัวสู่ระดับ 29.4 จุดในเดือนมิ.ย. จากระดับ 15.7 ในเดือนพ.ค. โดยดัชนีภาคการผลิตส่งสัญญาณขยายตัวนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว หลังจากทรุดตัวลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 683,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. สูงกว่าในเดือนพ.ค.ที่เพิ่มขึ้นเพียง 559,000 ตำแหน่ง
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.จาก Conference Board, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.จาก ADP, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ดุลการค้าเดือนพ.ค. และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค.