ธนาคารกลางจีน (PBOC) แสดงความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงจากสกุลเงินดิจิทัลของภาคเอกชน โดยเฉพาะสกุลเงินคริปโตเคอเรนซีประเภท Stablecoin ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบการเงินโลก
"เงินคริปโต Stablecoin ขององค์กรพาณิย์บางแห่งอาจสร้างความเสี่ยงและความท้าทายให้กับระบบการเงินระหว่างประเทศ รวมถึงรูปแบบการชำระเงินและการชำระบัญชี" นายฟ่าน อี้เฟย รองผู้ว่าฯ PBOC ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในวันนี้
"เราค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับประเด็นนี้ และได้ดำเนินมาตรการบางอย่าง" รองผู้ว่าฯแบงก์ชาติจีนระบุ
ทั้งนี้ สกุลเงินคริปโตมีมูลค่าคงที่และตรึงไว้กับสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ เช่น สกุลเงินของรัฐบาลอย่างเงินดอลลาร์สหรัฐ ตัวอย่างเงินคริปโต Stablecoin ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Tether ซึ่งสร้างความกังวลให้กับรัฐบาลสหรัฐ โดยมีมูลค่าตลาดสูงเป็นอันดับสาม รองจากบิตคอยน์และอีเธอร์เรียม
ส่วนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (6 ก.ค.) หน่วยงานฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ PBOC ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของกรุงปักกิ่งมีคำสั่งให้บริษัทแห่งหนึ่งในจีนปิดดำเนินการ หลังถูกตั้งข้อหาว่าให้บริการซอฟต์แวร์การทำธุรกรรมด้วยเงินคริปโต
"เงินคริปโตเหล่านี้กลายเป็นเครื่องมือสำหรับเก็งกำไรด้วยตัวของมันเอง ซึ่งอาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางการเงินและเสถียรภาพทางสังคม" นายฟ่านกล่าว
การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่จีนเร่งกวาดล้างการทำเหมืองและการทำธุรกรรมด้วยเงินบิตคอยน์เมื่อเดือนพ.ค. ส่งผลให้นักขุดบิตคอยน์ (Miner) หาลู่ทางไปลงทุนในสหรัฐและประเทศอื่นๆ