สกุลเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศปรับเป้าหมายเงินเฟ้อ ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.24% แตะที่ 924174 เมื่อคืนนี้
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1839 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1806 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3776 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3801 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7424 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7487 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.81 เยน จากระดับ 110.61 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9157 ฟรังก์ จากระดับ 0.9250 ฟรังก์ แต่เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2532 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2477 ดอลลาร์แคนาดา
สกุลเงินยูโรได้รับแรงหนุนหลังจาก ECB ประกาศปรับเป้าหมายเงินเฟ้อเมื่อวานนี้ พร้อมกับเปิดเผยบทบาทใหม่ของทางธนาคารในการร่วมมือแก้ไขปัญหาโลกร้อน ซึ่งถือเป็นการยกเครื่องนโยบายครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ 23 ปีของการก่อตั้ง ECB
ECB เปิดเผยว่า ทางธนาคารจะเปลี่ยนแปลงเป้าหมายเงินเฟ้อจากเดิมที่กำหนดให้ "อยู่ใกล้ แต่ไม่เกินระดับ 2%" โดยปรับเป็น "อยู่ที่ระดับ 2%" แต่ ECB จะใช้ความยืดหยุ่น โดยจะอนุญาตให้เงินเฟ้อ หรือดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สามารถดีดตัวขึ้นสูงกว่า 2% หากมีความจำเป็น
ECB ระบุว่า เป้าหมายเงินเฟ้อเดิมที่ระบุให้เงินเฟ้อ "อยู่ใกล้ แต่ไม่เกินระดับ 2%" ได้สร้างความรู้สึกที่ว่า ECB มีความกังวลต่อการที่เงินเฟ้ออยู่สูงกว่าเป้าหมาย มากกว่ากังวลต่อการที่เงินเฟ้ออยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย ทำให้ ECB ได้ข้อสรุปเมื่อวานนี้ว่า การขยายตัวของราคาทั้งอยู่เหนือและอยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์
ส่วนสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ระดับ 373,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 371,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 350,000 ราย