ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนในวันนี้ โดยได้อานิสงส์จากคำสั่งซื้อในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ณ เวลา 23.12 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.37% สู่ระดับ 109.85 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.18% สู่ระดับ 129.35 เยน และร่วงลง 0.19% สู่ระดับ 1.178 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์บวก 0.14% สู่ระดับ 93.02 หลังจากแตะระดับ 93.161 ในช่วงแรก ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) แถลงว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้พุ่งขึ้นในสหรัฐ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา โดยขณะนี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาคิดเป็น 83% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด สูงกว่าระดับ 50% ที่พบในช่วงวันที่ 27 มิ.ย.-3 ก.ค.
สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 35 ล้านราย และเสียชีวิตเกือบ 625,000 ราย
ปอนด์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 เดือนเทียบดอลลาร์ในวันนี้ และต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์เทียบยูโร ท่ามกลางความวิตกของนักลงทุนต่อการพุ่งขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษ
ณ เวลา 23.45 น.ตามเวลาไทย ปอนด์ร่วงลง 0.35% สู่ระดับ 1.362 ดอลลาร์ และอ่อนค่า 0.16% สู่ระดับ 0.864 เทียบยูโร
กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษเปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 46,558 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศอยู่ที่ 5,519,602 ราย
ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงวันที่ 14-20 ก.ค. สูงกว่าถึง 40.7% เมื่อเทียบกับช่วงวันที่ 7-13 ก.ค.
ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 96 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. สู่ระดับ 128,823 ราย
รัฐบาลอังกฤษได้ตัดสินใจยกเลิกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่เมื่อวานนี้ แม้จำนวนผู้ติดเชื้อยังคงพุ่งขึ้นก็ตาม
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยืนยันการยกเลิกมาตรการดังกล่าว โดยอ้างว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงพุ่งขึ้น แต่จำนวนผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และจำนวนผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม
อย่างไรก็ดี นายจิม รีด นักวิเคราะห์จากดอยซ์แบงก์ กล่าวว่า ทั่วโลกกำลังจับตาการดำเนินการของรัฐบาลอังกฤษ เนื่องจากอาจจะเป็นการปูทางให้ประชาชนกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ หรืออาจจะกลายเป็นการเตือนให้เห็นว่าประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในอัตราสูงยังคงเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดต่อไปอีกนาน
ทั้งนี้ นายจอห์นสันเคยยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์มาแล้วครั้งหนึ่งในปีที่แล้ว แต่ก็ต้องกลับมาบังคับใช้ใหม่ หลังเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ และหากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ก็จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน